TSP Webboard
TSP Radio
 
1) มาถึงปารีส
 
2) การศึกษา
 
3) สาขาวิชาต่าง ๆ
 
4) เล่าสู่กันฟัง
 
5) กิจกรรมยามว่าง
 
6) มุมน้ำชาในห้องรับแขก
 
7) เที่ยวปารีส
 
8) links
 
   
 

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองมาจับปากกาขีดเขียนอะไรบ้าง ก็ท่าจะดี ลองจิบน้ำชา เคล้า มากาฮง เขียนอะไร เล่นๆ เราว่า ... ก็ท่าจะดี

 
 

อย่างแรกขอบอกไว้ก่อนว่าบทความนี้เขียนขึ้นมาจากความรู้สีกจริงเมื่อเรามองเพื่อนๆ บางคนที่ยังร่อนเร่ หาจุดหมายของตัวเองไม่พบ โดยบทความนี้ไม่มีเจตนาโจมตีใคร เราต้องการเพียงแค่ ส่องความรู้สีกสะท้อน บางอย่างที่เราได้เห็น ...

อย่างแรก ต้องขอจำแนกไว้ก่อน ว่า นร ที่อยู่ที่นี่สำหรับเรา อาจจะแบ่งออกมได้เป็นสามแบบ

 แบบแรก นร ทุน คนกลุ่มนี้มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ช่วงเวลาที่ชัดเจน และเช่นเดียวกันจุดเรื่มต้นที่ชัดเจน เส้นทางของคนกลุ่มนี้ มองดูแล้วน่าจะบอกได้ว่า ขรุขระ น้อยกว่าคนกลุ่มที่สองและที่สาม

 แบบที่สอง นร ทุน พ.ก. คนกลุ่มนี้ก็เป็นอีกกลุ่มที่ รู้จุดหมายของตัวเอง เส้นทางของคนกลุ่มนี้ อาจจะ ขรุขระ บ้าง แต่ด้วย จุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เท่าที่เห็นมา ถึงผันทุกรายไป

 แบบสุดท้าย คนหาฝ้น คนกลุ่มนี จะแตกต่างจาก สองกลุ่มแรก เพราะ ยังไม่รู้จุดหมาย และทางเดินของตัวเอง ที่เห็นมาคือ มาหาฝันก่อน แล้วค่อย มองทางเดินของตัวเอง บ้างก็ถึงบ้าง บ้างก็ล้มลุกคลุกคลาน บ้าง

เราอยากจะอธิบายเกี่ยวกับ ความฝัน ... ก่อน อยากแรกเลย เราจะต้องถามตัวเราเองว่า .. ความฝันคืออะไร ? คนเราทุกคน ย่อมมีความฝัน จะยาวจะไกลต่างกัน มันสุดแต่ใจใคร จะไปจินตนาการได้ ฝันที่แสนไกล อยากจะไข่วคว้าให้ ถึง แต่บางที่คือมันไกล เกินเอื่อม ต้องถามตัวเองว่า ... ฉันทำอะไรอยู่นะ ใช้ความฝันของฉันหรือเปล่านะที่ฉันกำลังมอง หรือเป็นดวงดาวที่ไกลกินจะไขว่คว้ามัน

คนที่มาเดินหาฝันของตัวเอง คนกลุ่มนี้ อยาจจะขอแนะว่าให้รีบหาจุดหมายให้พบ ไม่เช่นนั้นก็จะได้แต่เดินหามัน ... บางคนก็ได้แต่เดินๆๆ

การเดินหาฝันมันก็เป็นเหมือนการเดินทาง มีจุดเริ่มต้น มีจุดหมาย แต่ไม่มีจุดจบที่แน่นอน เพราะว่า การจบของความฝันตอนๆหนึ่ง มันก็เป็นการเริ่มต้นความฝันอีกบทหนึ่ง มันเป็นการเดินทางที่แสนยาวไกล .. แต่ที่สำคัญที่สุด คือ อย่าหมดแรงซะ ก่อนหละ ...

การตามหาความฝัน นั้นจะต้องตามหาตัวเองความความเป็นเรา หาจุดมุ่งหมาย แล้วลองดูตัวเราว่า จะไปถึงมันได้ไหม ไม่มีใครดีกว่าเรา ที่จะมาตอบแทนเราเองได้ ว่าเราพร้อมหรือยัง ? ... แล้วสิ่ง ที่เราตามหา สิ่งนั้นใช้ใหมที่เราหวังไว้ ใช่ไหม จุดหมายเรา

สิ่งที่อยากจะแนะนำ ก็คือ ก่อนที่เราจะเริ่มเดิน ลองมองไปก่อนว่าเราเห็นอะไร สิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่เราฝัน มันสอดคล้องกันแค่ไหน

การตามหาความฝัน คือการนำตัวตนของเราเดินไปสู่ความฝัน ไม่ใช่การนำวิญญานเราล่องลอยไป ล่องล่อยมาตามความฝัน เราต้องเดินมุ่งไป หาความฝัน ด้วยสองขาที่หนังแน่นถึงแม้ว่ามันจะไกลมันจะล้าเพราะทางอันแสนยาวไกล ไม่ใช่ลอยไป แล้วหวังว่ามันจะไปถึง ถ้าโดนลมพัดตกทางซะก่อน นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเดินไปด้วยสองขาอันหนักแน่น

มีคนหลายคน เดินทางมาที่นี่เพื่อ ที่จะได้ชื่อว่ามา (บางคนก็หนีปัญหาไว้ข้างหลัง) แล้ว ค่อยมาหา อะไรดาบหน้าทำ มาหาอะไรดาบหน้าลงเรียน แล้วก็มาอ้างว่ามาตามหาฝัน ... แต่อยากจะรู้ว่าเคยถามตัวเองซักนิดหรือเปล่า ว่าเคยฝันอะไร รู้ตัวหรือยังว่ามาที่นี่เพื่ออะไร มาทำอะไร ...

จุดหมาย ก่อนเดิน ลองมองหาจุดหมาย แล้วค่อยมองว่าจะเดินอย่างไรให้ถึงมัน ... ถ้ามองแล้วไม่เห็นทาง หรือทางเดินมันช่างมืดมน ก็นั้นแหละ คำตอบมันออกมาตั่งแต่ยังไม่เดิน ... แล้วอย่ามาถามว่ายังไม่เริ่มเดินจะรู้ได้ไง ... คำตอบมันเห็นก่อนจะเริ่มเดินด้วยซ้ำ ... มาตายดาบหน้า ? ... ก็คงจะได้ตายดาบหน้าจริงๆ ... มองก่อนแล้วค่อยเดิน ... คงจะเป็นคำพูดสุดท้าย

วันเวลามันเดินไปไม่รอใคร เหมื่อนที่เค้าบอกกันว่า keep the walking แค่เราหยุดเดินอยู่กับที่ เสียเวลาทิ้งไป ก็เท่ากับเรา ถอยหลัง ปล่อยให้คนอื่นเค้าแซงผ่านไป

รู้ตัวหรือยังว่าเราฝันอะไร เราหามันเจอยัง ... หรือไม่ก็ลองเปลี่ยนคำถาม ลองถามตัวเองว่า หาตัวเองเจอยัง ...

การหาที่เรียนที่นี่มันไม่ยากหรอก ที่มันยากกว่าคือการหาว่าเราอยากเรียนอะไร บางครั้ง ก็ต้องถามตัวเองไปลึกกว่านั้น ว่าถ้าเราเรียนจบแล้วอยากทำงานอะไร แบบไหนด้านไหน ใช้งานนั้นหรอที่มันเป็นตัวเรา

ทำไมหละที่จะต้องถามแบบนั้น อะ ก็เพราะบางครั้งสิ่งที่เราชอบ กับสี่งที่เรามันจะต้องเป็นมันขนานกัน มันไม่ได้มาตัดกันเสมอไป ถ้าจะแนะนำนะ ก็อยากจะให้เรื่องสิ่งที่เราจะต้องเป็น เพราะสิ่งที่เราชอบเราก็ยังจะชอบมันต่อไปได้ เราก็ทำมันได้อยู่ในอีกมุมนึง เพราะอย่างไรก็ตามเราก็ต้องอยู่กับสิ่งที่เราเป็น

บางคนมาเดินหาฝันเพื่อที่จะทิ้งปัญหาที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง ถ้าปัญหามันไม่ได้แก้ มันก็ยังคงไม่ได้แก้ เวลามันไม่ได้แก้ปัญหาได้เสมอไป การหนีปัญหากับการแก้ปัญหามันต่างกัน

ทั้งหมดนี้ก็คงจะอธิบาย ความฝัน กับความเป็นจริงได้ มันได้ได้ตัดกันเสมอไป แต่มันก็อยู่คู่กันได้

สิ่งที่เราเห็นมา คือมีคนเดินร่อนเร่ หาความฝันโดยไม่รู้จุดมุ่งหมาย แล้วก็ต้องเดินกลับไปโดยไม่ได้จุดมุ่งหมาย สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับไปเป็นเพียงประสบการณ์แห่งชีวิต ... ไม่รู้สินะบางทีมันอาจจะเรียกว่าคุ้มก็ได้ เพราะคนอีกสองกลุ่มแรกอาจจะไม่ได้มัน ... แล้วแต่จะคิด ...

ความฝันมันย่อมจะหอมหวาน เราไม่ผิดที่จะมีฝัน แค่ลืมตามองหาเส้นทางและเส้นชัยของมัน

แต่จะมีซักกี่คนหละ ที่จะทำมันเป็นจริงขึ้นมา

เอ ปารีส